การวัดสีย้อมในอาหาร สำคัญยังไง?
การวัดสีย้อมในอาหาร สำคัญยังไง?
เคยสงสัยไหมว่าในอาหารที่เรากินกันทุกวัน อย่างน้ำผลไม้ ซอส หรือแม้แต่ทุเรียน ทำไมสีถึงต้องเป๊ะขนาดนั้น? ก็เพราะว่าสีเป็นตัวบ่งบอกคุณภาพของผลิตภัณฑ์ไงล่ะ ซึ่งถ้าสีผิดเพี้ยนไป อาจจะทำให้คนเข้าใจผิดว่าผลิตภัณฑ์นั้นเสีย หรือคุณภาพไม่ดี
และนี่แหละที่ทำให้ สารละลายอ้างอิงสี (Basic Yellow) ได้แก่ BY1, BY2, BY3, BY4, BY5, BY6 และ BY7 กลายเป็นสารมาตรฐานสำคัญในการเทียบสีของของผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐาน European Pharmacopoeia (Ph. Eur.) ช่วยเป็นตัวบ่งบอกให้เรามั่นใจว่าสีของผลิตภัณฑ์เป็นไปตามเกณฑ์ความปลอดภัย ไม่คลาดเคลื่อน
แล้วเรามีการวัดสีของอาหารกันยังไง?
1. การใช้สารละลายอ้างอิงสีมาเทียบเลย ง่ายที่สุดคือนำของเหลวมาวัดสีเทียบกับ Basic Yellow (BY1-BY7) ที่เป็นสารมาตรฐานเฉดสีไล่ตั้งแต่เหลืองไปถึงน้ำตาลแดง ใช้งานตามหลักการ Degree of Colouration of Liquids ในมาตรฐาน Ph. Eur.
2. ใช้เครื่อง HPLC-MS/MS เช็กสีแบบละเอียด
สำหรับการตรวจว่ามี สีย้อมต้องห้ามปนเปื้อนในอาหารหรือไหม เราใช้ เครื่อง HPLC-MS/MS (High-Performance Liquid Chromatography - Tandem Mass Spectrometry)
ทำไมต้องใช้สารมาตรฐานพวกนี้?
✅ ทำให้วัดสีได้ตรงกันทุกที่ ไม่ต้องเดาสีจากสายตา
✅ ใช้สอบเทียบเครื่องมือ อย่าง HPLC-MS/MS ให้แม่นสุด ๆ
✅ ช่วยเช็กว่าสีที่ใช้ในอาหารปลอดภัยไหม ไม่มีการปนเปื้อนของสีย้อมอุตสาหกรรมที่เป็นอันตรายหรือไม่
✅ ทำให้กระบวนการตรวจสอบคุณภาพเป็นมาตรฐานเดียวกัน
สรุปง่าย ๆ
ถ้าอยากให้สีของอาหารที่เรากินปลอดภัยและได้มาตรฐาน การใช้สารละลายอ้างอิงสี BY1-BY7 และการวิเคราะห์ด้วย HPLC-MS/MS เป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะมันช่วยให้เราควบคุมสีได้อย่างถูกต้อง และป้องกันการปนเปื้อนของสีย้อมที่เป็นอันตราย
ขอบคุณแหล่งที่มา :
- ข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสอบสีย้อมอุตสาหกรรมในอาหาร อ้างอิงจาก มาตรฐาน BJS202204 ของ State Administration for Market Regulation ซึ่งกำหนดวิธีการตรวจสอบ เช่น การใช้ Acetonitrile ในการสกัดสี และการวิเคราะห์ด้วย HPLC-MS/MS เพื่อตรวจจับสีย้อมต้องห้ามอย่าง Basic Orange 22 และ Sudan Orange G