Centrifuge Tube

 

Centrifuge Tube 
อุปกรณ์สำคัญในการแยกสารทางห้องปฏิบัติการ

Centrifuge Tube (หลอดเหวี่ยงตกตะกอน) คืออุปกรณ์พื้นฐานที่มีบทบาทอย่างมากในห้องปฏิบัติการ ไม่ว่าจะเป็นงานวิจัยทางชีววิทยา การแพทย์ เคมี หรืออุตสาหกรรมต่าง ๆ จุดเด่นของหลอดชนิดนี้คือการรองรับแรงเหวี่ยงสูงจากเครื่อง Centrifuge เพื่อใช้แยกสารผสมออกเป็นชั้น ๆ ตามความหนาแน่น ตัวอย่างที่เห็นชัดคือการแยกเลือดเป็นพลาสมากับเซลล์เม็ดเลือด

 

วัสดุที่ใช้ผลิต Centrifuge Tube

การเลือกวัสดุมีผลต่อความแข็งแรง ความปลอดภัย และการใช้งาน

  • Polypropylene (PP)
    ✔ทนแรงเหวี่ยงสูง
    ✔ทนความร้อนได้ดี (รองรับ Autoclave ที่ 121°C)
    ✔เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความสะอาดปลอดเชื้อ เช่น การเพาะเลี้ยงเซลล์หรือโมเลกุลชีวภาพ
  • Polyethylene (PE)
    ✔น้ำหนักเบา ราคาถูก
    ✘ไม่ทนความร้อนสูง เหมาะกับงานทั่วไปที่ไม่ต้องฆ่าเชื้อด้วย Autoclave
  • Polycarbonate (PC)
    ✔โปร่งใส ทนแรงดัน
    ✔ใช้ในงานที่ต้องการสังเกตชั้นของสารได้ชัดเจน
  • Glass Centrifuge Tube
    ✔ทนต่อสารเคมีที่รุนแรงและสารละลายอินทรีย์
    ✘แตกง่ายและหนัก จึงไม่สะดวกต่อการใช้งานทั่วไป

 

ประเภทและขนาดของ Centrifuge Tube

หลอดเหวี่ยงมีหลายขนาดและรูปแบบเพื่อให้เหมาะกับงานต่าง ๆ

  • Microcentrifuge Tube (0.2 – 2 mL) ใช้กับ Microcentrifuge เช่นการสกัด DNA/RNA
  • Conical Tube (15 mL และ 50 mL) ใช้กันมากที่สุด เหมาะกับงานทั่วไป เช่น แยกเซลล์หรือสารชีวภาพ
  • Round-bottom Tube มีความแข็งแรง ลดโอกาสแตกร้าว แต่ตั้งบนโต๊ะไม่ได้ ต้องใช้ Rack ช่วย
  • Cryogenic Centrifuge Tube ออกแบบให้ทนต่ออุณหภูมิต่ำมาก ใช้ในงานเก็บตัวอย่างชีวภาพระยะยาว

 

ฝาปิด (Cap Design)

ฝาปิดมีผลต่อการป้องกันการรั่วซึมและความปลอดภัย

  • Snap Cap ปิดง่าย ใช้งานสะดวก เหมาะกับการทดลองที่ใช้เวลาไม่นาน
  • Screw Cap ฝาเกลียว ปิดได้แน่น ลดการรั่วซึม เหมาะกับงานที่ต้องใช้แรงเหวี่ยงสูงหรือต้องเก็บสารที่มีความเสี่ยงปนเปื้อน

 

ค่าแรงเหวี่ยง (Relative Centrifugal Force: RCF)

RCF หรือ g-force เป็นตัวชี้วัดว่า หลอดสามารถทนต่อแรงเหวี่ยงได้สูงสุดเท่าไร เช่น

  • หลอดทั่วไปทนได้ 6,000 – 10,000 × g
  • หลอดความแข็งแรงสูง (High Strength Tube) ทนได้มากกว่า 20,000 × g

การเลือกหลอดต้องตรวจสอบว่าเครื่อง Centrifuge ของคุณใช้แรงเหวี่ยงสูงสุดเท่าไร เพื่อป้องกันการแตกร้าวหรือการรั่วไหล

 

การใช้งานของ Centrifuge Tube ในสาขาต่าง ๆ

  • การแพทย์และการตรวจวิเคราะห์ทางคลินิก
    ใช้แยกเซลล์เม็ดเลือด แยกซีรั่มและพลาสมา รวมถึงเก็บตัวอย่างผู้ป่วยเพื่อการวินิจฉัย
  • ชีววิทยาโมเลกุลและพันธุศาสตร์
    ใช้สำหรับการตกตะกอนของ DNA, RNA, โปรตีน และตัวอย่างเซลล์
  • อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม:
    ใช้ตรวจสอบปริมาณไขมัน โปรตีน หรือสารประกอบที่ตกตะกอนในตัวอย่างอาหาร
  • เคมีวิเคราะห์และสิ่งแวดล้อม:
    ใช้เตรียมตัวอย่างน้ำหรือสารละลายเพื่อการทดสอบปริมาณโลหะหนักหรือสิ่งเจือปนต่าง ๆ

 

วิธีเลือก Centrifuge Tube ที่เหมาะสม

  • ตรวจสอบขนาดและปริมาตรว่าตรงกับเครื่องและปริมาณตัวอย่าง
  • เลือกวัสดุที่เหมาะสมตามสารเคมีหรืออุณหภูมิที่ต้องใช้งาน
  • คำนึงถึงค่า RCF สูงสุดที่หลอดสามารถทนได้
  • เลือกฝาปิดที่เหมาะสมหากต้องเก็บตัวอย่างนานหรือเสี่ยงรั่วซึมควรใช้ Screw Cap
  • เลือกผู้ผลิตที่ได้มาตรฐานเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและคุณภาพ

 

การดูแลและการใช้งานอย่างปลอดภัย

  • ห้ามใช้หลอดที่มีรอยร้าวหรือเสียหาย
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหลอดสมดุล (Balance) ก่อนปั่นเหวี่ยง
  • หากใช้ Autoclave ต้องตรวจสอบว่าวัสดุรองรับการฆ่าเชื้อได้
  • หลีกเลี่ยงการใช้หลอดผิดประเภท เช่น ใช้หลอด PE ในงานที่ต้องใช้แรงเหวี่ยงสูง

 

Centrifuge Tube เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ดูเหมือนเรียบง่ายแต่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การเลือกหลอดที่เหมาะสมกับประเภทงาน ไม่ว่าจะเป็นด้านการแพทย์ ชีววิทยา หรืออุตสาหกรรม จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการทำงานในห้องปฏิบัติการ

 

หากสนใจเลือกซื้อ Centrifuge Tube คุณภาพสูง
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หน้าหมวดหมู่ Centrifuge Tube ของเรา

 

 

 

ขอบคุณแหล่งที่มา :
- คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.คู่มือการใช้เครื่องมือพื้นฐานในห้องปฏิบัติการ
- ศูนย์บริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (STT)